วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

กาแล็กซี่

                                                              กาแล็กซีและเอกภพ



             พวกเราอาศัยอยู่บนโลกสีน้ำเงินใบนี้  ซึ่งโครจรไปรอบ ๆ ดวงอาทิตย์ที่เป็นดาวฤกษ์  ขนาดกลางในเอกภพ  ดวงอาทิตย์ให้พลังงานความร้อนและแสงเป็นปริมาณมาก  จึงทำให้เรามองเห็นและรู้สึกถึงความร้อนได้ทั้ง ๆ   ที่ดวงอาทิตย์อยู่ไกลจากโลกมากถึง 148,800,000  กิโลเมตร
ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ดวงหนึ่งในจำนวนหนึ่งแสนล้านดวงในกาแล็กซีของเราที่เรียกว่า  กาแล็กซีทางช้างเผือก  ดาวฤกษ์แต่ละดวงมีขนาดและสีแตกต่างกัน  กาแล็กซีทางช้างเผือกเป็นเพียง 1 ใน  หนึ่งแสนล้านกาแล็กซี  ที่ประกอบกันเป็นเอกภพ
เอกภพมีขนาดใหญ่มาก  ถ้าเราสามารถขี่จักรยานจากโลกไปดวงอาทิตย์ต้องใช้เวลารวม 718 ปี ความกว้างใหญ่ของเอกภพจะต้องวัดเป็นปีแสง ซึ่ง 1 ปีแสงเท่ากับระยะทางที่แสงเดินทาง 1 ปี (แสงเดินทางจากดวงอาทิตย์มายังโลกใช้เวลา 8.3 วินาที)  ความกว้างของกาแล็กซีทางช้างเผือกประมาณ 100,000 ปีแสง ยานอวกาศที่มนุษย์สร้างขึ้นเคลื่อนไหวได้เร็วเพียง 0.0001 เท่าของแสงเท่านั้น
      เมื่อสังเกตจากการนำภาพถ่ายมาวิเคราะห์เราอาจจำแนกชนิดของกาแลกซี่จำแนกประเภทของกาแลกซี่ได้  3   ประเภทใหญ่ๆ  ได้แก่  กาแลกซี่รูปวงกลมรี  กาแลกซี่รูปกังหัน  และ  กาแลกซี่อสันฐาน


1. กาแลกซี่รูปวงกลมรี ( E , elliptical  galaxies)
ใช้อักษร   E แทนกาแลกซี่พวกนี้แล้วต่อท้ายด้วยตัวเลขที่มีความหมายแทน  10  เท่าของความรีของแผ่นกาแลกซี่ที่ปรากฏเรียงลำดับรูปร่าง นับตั้งแต่เป็นทรงกลม   EO  ไปจนถึงกลมแบน E7 มองด้านข้างคล้ายเลนส์นูน  ( บริเวณตรงกลางสว่างเป็นรูปไข)
                                      
2. กาแลกซี่รูปกังหัน  หรือ  แบบก้นหอย ( S , Spiral  galaxies)
ใช้อักษร   S   แทน    กาแลกซี่พวกนี้  และแบ่งออกเป็น   a , b , c , และ d  มีหลักดังนี้  ความหนาแน่นของการขดของแกนกังหัน ความชัดเจนของการเห็นแกนกังหัน - ขนาดของนิวเคลียร์
                      กาแลกรูปกังหัน  แบ่งเป็น   2   ประเภท
                                    2.1   กาแลกซี่รูปกังหันปกติ (Barred  Spiral  galaxies) บริเวณตรงใจกลางมีลักษณะคล้ายเลนส์นูนทั้งสองหน้า   ขอบตรงข้ามมีแขน   2   แขนยืนออกมาแล้วหมุนวนรอบ  จุดศูนย์กลางไปทางเดียวกัน  ระนาบเดียวกัน  และแบ่งออกเป็น   3   ระดับ   ได้แก่- จุดกลางสว่าง บริเวณใจกลางขนาดใหญ่แบนบาง  แขนม้วนงอชิดกัน  เรียกว่า  สไปรัล  เอส เอ  ( Spiral  Sa) - จุดกลางสว่างไม่มาก  มีแขนหลวมๆ  สองข้างเบนออกกว้าง  เรียกว่า  สไปรัล  เอส บี ( Spiral  Sb) เช่น   กาแลกซี่ทางช้างเผือก-จุดกลางไม่เด่นชัด  บริเวณใจกลางเป็นแกนเหล็ก  แขนสองข้างใหญ่     ม้วนตัวอย่างหลวมๆ แยกออกจากกัน  เรียกว่า  สไปรัล  เอส ซี (Spiral  Sc)
                                     
                                                       
                                  2.2   กาแลกซี่อสันฐาน   หรือไร้รูปร่าง ( Irr , Irregular  galaxies) ใช้อักษร   Irr   แทน กาแลกซี่พวกนี้   และแบ่งออกเป็น   2   ประเภท  คือ- กาแลกซี่อสันฐาน 1 (Irr  I)   เป็นกาแลกซี่อสันฐานที่มีสสารอยู่ระหว่างดาวเป็นจำนวนมาก   พร้อมดาวฤกษ์อายุน้อยหรือดาวที่เพิ่งเกิดใหม่  มองเห็นเป็นความสว่างกระจัดกระจาย- กาแลกซี่อสันฐาน 2 (Irr  II)     มีจำนวนน้อย  รูปร่างไม่แน่นอน   ไม่ปรากฏให้เห็นเป็นดาวแยกเป็นดวงๆ แต่ประกอบด้วยฝุ่นและก๊าซปริมาณมาก   ตัวอย่างกาแลกซี่พวกนี้ได้แก่  เมฆแมกเจลเลนใหญ่  และเมฆแมกเจลเลนเล็ก    ซึ่งอยู่บนท้องฟ้าซีกโลกใต้  กาแลกซี่สว่างมากๆ ประมาณ 2 ใน 3     จะเป็นกาแลกซี่รูปกังหัน  

กาแล็กซี่ ·

                                                 


ดาราจักร (แกแล็คซี่ - galaxy)
     ดาราจักร (แกแล็คซี่ - galaxy) เป็นที่รวมของดาว กระจุกดาว เนบิวลา (nebula) ฝุ่น ก๊าซ และที่ว่าง และระบบสุริยะจะอยู่ในดาราจักรทางช้างเผือก โดยดาราจักจะมีลักษณะใหญ่ 3 ประการคือ ดาราจักวงรี ดาราจักรกังหัน และดาราจักอสัญฐาน
     กาแลคซีของเราหรือกาแลคซีทางช้างเผือก ประกอบด้วยดาวฤกษ์ประมาณหนึ่งแสนล้านดวง ดึงดูดซึ่งกันและกัน ทำให้อยู่ในระบบเดียวกันได้ มีความหนาประมาณ 10,000 ปีแสง และมีเส้นผ่นศูนย์กลางประมาณ 100,000 ปีแสง ส่วนดวงอาทิตย์ของเรา อยู่ที่แขนของกาแลคซี ห่งจากใจกลางประมาณ 30,000 ปีแสง บกาแลคซีของเราความยาวส่วนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 75,000 ปีแสง (7.1 X 1011 km) แต่ค่าที่วัดได้จากเครืองอาจยาวมากกว่านี้ถึง 3 เท่า มีมวล 4 X 1011 เท่า ของมวลดวงอาทิตย์ โดยดวงอาทิตย์ของเราอยู่ห่างจากศูนย์กลางกาแลคซีประมาณ 26,100 ปีแสง (2.5X1017 km)]
1. ความหมายของดาราจักร
     ดาราจักร คือ ที่รวมของดาว กระจุกดาว เนบิวลา ฝุ่น ก๊าซ และที่ว่าง โดยจะมีรูปร่างแตกต่างกันไป อาณาจักรที่เราอาศัยอยู่นี้เรียกว่า อาณาจักรทางช้างเผือก (Milky Way) ในปี พ.ศ. 2152 กาลิเลโอ ได้สำรวจท้องฟ้าด้วยกล้องโทรทรรศน์ แล้วพบว่า ทางช้างเผือกประกอบด้วยดาวจำนวนมากมาย ปรากฎอยู่ใกล้กันจนไม่สามารถมองให้แยกออกจากกันได้ ภายหลังได้มีการศึกษาพบบริเวณสว่างของก๊าซและฝุ่นในอวกาศ ตลอดบริเวณที่มืดจนปิดบังแสงสว่างของดาวอื่น โดยเรียกบริเวณนั้นว่า เนบิวลาสว่างและเนบิวมืดตามลำดับ และยิ่งศึกษามากขึ้นก็พบว่าไม่สามารถประเมินรูปร่างได้ และในเอกภพจะมีจำนวนดาราจักรอยู่มากจนประมาณได้ถึง หมื่นล้านดาราจักร

     ดาราจักรช้างเผือกเป็นระบบที่แบนมาก กล่าวคือ มีความหนาน้อยเมื่อเทียบกับความกว้าง โดยที่ส่วนนูนตรงกลางประมาณ 3,500 พาร์เซก และส่วนที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางประมาณได้กับระยะที่ดวงอาทิตย์อยู่จะหนาประมาณ 1,500 พาร์เซก ในขณะที่ความกว้างของดาราจักร์ประมาณได้ถึง 50,000 พาร์เซก
      ดาราจักรจะมีดาวกว่าแสนล้านดวงและก๊าซ ฝุ่น สสารที่มากพอจะให้กำเนิดดาวได้หลายพันล้านดวง และในเอกภพนี้มีดาราจักรมากเสียจนประมาณได้อย่างชัดเจน แต่จากการเฝ้าติดตามด้วยกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่คาดไว้ว่าน่าจะมีมากกว่า 100,000,000,000 ดาราจักร (แสนล้าน) และอาจจะมีในส่วนที่ยังไม่เห็นด้วยกล้องอีกบางทีอาจจะมากกว่า ล้านล้านดาราจักรก็เป็นได้
     จากการศึกษาของนักดาราศาสตร์ยังพบอีกว่าดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นแกนหลังของระบบสุริยะไม่ได้หยุดนิ่งแต่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อวินาที ดังนั้นจึงคาดกันว่าดาราจักรของเราไม่ได้หยุดนิ่ง แต่ดาราจักรกำลังหมุนรอบตัวเองโดยสังเกตจากรูปร่าง

2. รูปร่างของกาแลกซี่
     เอ็ดวิน ฮับเบิล ได้จำแนกรูปร่างของ กาแลกซี่ ได้เป็น 4 แบบคือ
        1. กาแลกซี่แบบรูปไข่ หรือ ทรงรี Elliptical จัดว่าเป็นรูปทรงพื้นฐานเริ่มแรก แบ่งออกได้เป็น E0 - E7 คือ E0 จะมีรูปร่างเป็นทรงกลม และยิ่งรีมากขึ้น ตัวเลขตามท้ายก็จะมากขึ้น เช่น E7 มีรูปทรงรีมากที่สุด

     2. กาแลกซี่ แบบก้นหอย หรือ รูปเกลียว Spiral ลักษณะแบบคล้ายจานสองใบประกบหากัน จะมีจุดกลางสว่าง แล้วมีแขนโค้ง 2-3 แขน ลักษณะ หมุนวนรอบแกนกลาง แบ่งย่อยออกเป็น Sa Sb Sc โดยพิจารณาจากระยะความห่างของแขน

     3.กาแลกซี่แบบกังหัน หรือรูปเกลียวแขนยาว Barred Spiral ลักษณะคล้ายแบบที่ 2 แต่มีแขนออกมาจาก แกนกลางก่อน แบ่งย่อยออกเป็น SBa SBb SBc โดยพิจารณาจากแขนที่ยาวออกมาจากแกนกลาง

     4. กาแลกซี่แบบไม่มีรูปร่าง Irregular เป็นกาแลกซี่ที่มีรูปร่างไม่แน่นอน เข้าใจว่าเกิดจากการกลืนกินกัน ของสองกาแลกซี่แบบ 1 ถึง 3 ที่อยู่ใกล้กัน

     




                                                  นางสาวดวงกมล พันมานิมิตร   55011711127 
ENV  งานชิ้นที่ 2